สบู่แบบกวนเย็น (Cold Process : CP)

คือการผสมวัตถุดิบระหว่างสารละลายด่าง (ในที่นี่เรียกว่านํ้าด่าง คือการนํ้าโซดาไฟเทผสมลงในนํ้า ตามอัตราส่วนของสูตรสบู่) และกรดไขมัน (ในที่นี่เรียกว่านํ้ามัน) ให้เหมาะสมกับสภาพผิว เมื่อผสมนํ้ามันและนํ้าด่างให้เข้ากันดี ส่วนผสมทั้งสองจะเกิดการทำปฏิกริยา (Saponification : ซาปอนนิฟอเคชั่นส์) คือการที่นํ้าด่างเข้าทำปฎิกริยากับนํ้ามัน โดยเปลี่ยนนํ้ามันให้กลายเป็นเนื้อสบู่

 

ซึ่งเมื่อกวนส่วนผสมให้เกิดเป็นเนื้อสบู่ไปเรื่อยๆ จะเกิดลักษณะเทรซ (Trace) คือสบู่จะค่อยๆ เปลี่ยนสภาพกลายเป็นเนื้อครีมที่มีความข้นขึ้นเรื่อยๆ  เริ่มจากเนื้อที่ยังดูบางเบา เริ่มเป็นเงามากขึ้น เมื่อยกขึ้นมาและสบัดไม้พาย เนื้อจะสบู่จะกลืนกลับลงไป ช่วงนี้จะเรียกว่าไลท์เทรซ (Light trace)

 

เมื่อกวนต่อไปอีก เนื้อสบู่จะเริ่มมีความข้น และจับตัวเป็นเนื้อครีมที่มีความหนืดขึ้น ช่วงนี้จะเรียกว่ามีเดียมเทรซ (Medium trace)เมื่อยกขึ้นมาและสบัดไม้พาย เนื้อจะสบู่จะไม่กลับไปรวมตัวกับส่วนเดิม แต่จะเห็นเป็นเส้นบางๆด้านบนเนื้อสบู่ และถ้าหากยังกวนต่อไปเนื้อสบู่จะมีความหนืด ข้น จับตัวเป็นเหนียวมากขึ้น ลักษณะคล้ายครีมหรือเนยที่ไม่แข็งมาก ช่วงนี้จะเรียกว่าเฮฟวี่เทรซ (Heavy trace)

 

ซึ่งในขั้นตอนการทำสบู่นั้นจะนิยมผสมให้อยู่ในช่วงไลท์ ค่อนไปทางมีเดี่ยม แล้วจึงเทลงโมลด์ที่เตรียมไว้ ระหว่างที่สบู่อยู่ในโมลด์ประมาณชั่วโมงที่ 2-4 เนื้อสบู่จะเกิดความร้อนสูงมากขึ้นเรื่อยๆ เกิดจากการ Spon ความร้อนนี้เองจะส่งผลเร่งให้ด่างทำปฎิกริยากับกรดไขมันให้ส่วนผสมกลายสภาพจากของเหลวเป็นของแข็งกลายเป็นสบู่ก้อนอย่างสมบูรณ์ (ความแข็งของสบู่ขึ้นอยู่กับนํ้ามันที่ใช้ในสูตร)

 

ระหว่างการเกิดสบู่นั้น ภายในแแบซของสบู่ที่ทำนั้นจะมีกลีเซอลีนตามธรรมชาติเกิดขึ้นภายในเนื้อสบู่ด้วย ซึ่งกลีเซอลีนนี้เองจะช่วยทำให้เกิดความนุ่มนวลต่อผิวเวลาใช้งานและตัวกลีเซอลีนนี้จะมีคุณสมบัติในการเคลือบ กักเก็บความชุ่มชื้นและบำรุงผิว หลังจากจบขั้นตอนการผสมและเทสบู่ลงโมลด์แล้วจะต้องทิ้งสบู่ไว้ในโมลด์อย่างน้อย 24-48 ชม. ก่อนที่จะนำออกมาตัดแบ่งเป็นก้อน (อาจจะต้องใช้เวลาที่นานขึ้น หากใช้ปริมาณนํ้ามันอ่อนมากขึ้น หรือลดเวลาลงเมื่อใช้นํ้ามันแข็งในปริมาณมากหรือนํ้ามันแข็ง 100%)

 

เมื่อตัดสบู่แล้วจะต้องทำการตากสบู่ หรือเรียกว่าการบ่มสบู่ (Cure) ทิ้งไว้อย่างน้อย 4 สัปดาห์ เพื่อให้ค่า ph ลดลงจนเหมาะกับสภาพผิวที่ 8-10 และระหว่างสบู่การบ่มนี้สบู่จะคายนํ้าออกเรื่อยๆ ทำให้สบู่แข็งตัวมากขึ้นและมีความละมุนในการใช้งาน